ในปัจจุบันกล้อง DSLR (Digital Single Lens Reflex) หรือกล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวด้วยระบบดิจิตอล ก็ยังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะสามารถถ่ายภาพได้อย่างสวยงามไร้ที่ติเลยทีเดียว เพราะข้อดีของเจ้าตัว DSLR คือ ถ่ายภาพได้คมชัด ใช้งานง่ายมีฟังก์ชั่นให้เลือกใช้เยอะ ขนาดสวยกำลังดีไม่ใหญ่เทอะทะ และราคาสมเหตุสมผลไม่แพงจนเกินไป ทีนี้เรามาดูกันว่ากล้อง DSLR ยอดนิยมกันดีกว่า
ภาพรวมหัวข้อเนื้อหา
- กล้อง DSLR ที่ได้รับความนิยม และดีที่สุดในปี 2019
กล้อง DSLR ที่ได้รับความนิยม และดีที่สุดในปี 2019
10. กล้อง DSLR Nikon D850
Nikon D850 ที่มีประสิทธิภาพเต็มรูปแบบแห่งการถ่ายภาพนิ่ง และวิดีโอ Nikon D850 ได้สร้างมาตรฐานอันน่าทึ่งในด้านคุณภาพการใช้งานทั้งสองประเภท ด้วยความละเอียดที่มากถึง 45.7 ล้านพิกเซลใช้งานจริง กล้องจึงสามารถเก็บภาพถ่ายที่น่าทึ่ง และสร้างปรากฏการณ์ภาพยนตร์เหลื่อมเวลาขนาด 8K UHD ได้จากภาพนิ่งที่ถ่ายด้วยการถ่ายเว้นช่วงเวลาแบบไม่มีเสียง สร้างสุดยอดผลงานภาพยนตร์มาสเตอร์พีซแบบ 4K UHD เต็มเฟรมด้วยเลนส์มุมกว้างจาก NIKKOR หรือยืดช่วงเวลาอันล้ำค่าให้ยาวนานยิ่งขึ้นด้วยการบันทึกสโลว์โมชันแบบ 120p/100p Full HD
กล้องยังให้ความคล่องตัวที่ดีกว่าอย่างเหนือชั้นเพื่อตอบรับความต้องการของช่างภาพสมัยใหม่ เช่น ฟังก์ชันการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ความไวประมาณ 7 เฟรมต่อวินาที (fps) หรือ 9 fps1 ตลอดจนกลไกการขับเคลื่อนชัตเตอร์ และกระจกรูปแบบใหม่ ซึ่งปรับปรุงความเสถียรขององค์ประกอบภาพได้ดีกว่าที่เคย
ข้อมูลเพิ่มเติม/www.nikon.co.th
9. กล้อง DSLR Sony A77 II
DSLR Sony A77 II รุ่นใหม่ล่าสุดที่จะมาแทนที่กล้อง Sony A77 ตัวเดิมซึ่งความพิเศษคงจะอยู่ที่ความสามารถใหม่ๆในการใช้งานไม่ว่าจะเป็นระบบ Autofocus จำนวนถึง 79 จุดที่เขาบอกว่ามากที่สุดของเซนเซอร์ในกล้องที่วางตลาดอยู่เวลานี้เลยก็ว่าได้ และยังจะใช้งานเซนเซอร์ Exmor CMOS ตัวใหม่ที่ระดับความละเอียด 24.3 ล้านพิกเซลอีกต่างหาก
ไม่เพียงเท่านั้น กล้องรุ่นนี้ยังมีข้อดีอื่นอีก เช่น
- ไม่มีทางพลาดช่วงเวลาสำคัญ เมื่อเกิดเหตุการณ์สุดพิเศษ จับภาพไว้ด้วยกล้อง α77 II ที่ฉับไว เพราะคุณสมบัติอย่างจุด AF 79 จุดอันน่าตื่นตาตื่นใจ, การถ่ายภาพต่อเนื่อง 12fps และเซนเซอร์ Exmor CMOS 24.3 MP ทำให้ทุกช่วงเวลาคงอยู่ชั่วนิรันดร์
- ล็อคได้ความคมชัดเหลือเชื่อ จับภาพความเคลื่อนไหวฉับไวในชีวิตได้น่าประทับใจ
ระบบ AF ขั้นสูงของ α77 II ใช้จุดการตรวจจับระยะห่างที่มีจำนวนมากที่สุดในโลก (79 จุด โดยมีจุดกากบาท 15 จุด) และให้การติดตามที่เชื่อถือได้แม้ในระหว่างการถ่ายภาพต่อเนื่อง 12fps - Sony เปิดตัวโฟกัสอัตโนมัติรุ่นใหม่ 4D FOCUS ช่วยให้ประสิทธิภาพโฟกัสอัตโนมัติที่เหนือกว่าในแบบสี่มิติ ได้แก่ การครอบคลุมโฟกัสอัตโนมัติกว้าง (ความสูงและความกว้าง 2D), ความเร็วโฟกัสอัตโนมัติฉับไว (ความลึก 3D) และการติดตามโดยคาดการณ์ล่วงหน้าที่ดีขึ้น (เวลา 4D)
- 12fps พร้อมการติดตาม AF จับจังหวะมหัศจรรย์ชั่วพริบตาได้คมชัดน่าทึ่ง แม้ในยามติดตามวัตถุที่กำลังเคลื่อนที่รวดเร็ว สนุกกับความละเอียดเต็มที่ 24.3 MP พร้อมอัตราต่อเนื่องได้สูงสุด 60 เฟรม
- อัลกอริธึม AF ล้ำสมัย อัลกอริธึมขั้นสูงของ Sony ที่สร้างสมดุลระหว่างความเร็วและความนิ่งของภาพ จะใช้การวิเคราะห์การวัดค่าแบบเรียลไทม์เพื่อให้กล้องล็อคนิ่งที่วัตถุของคุณโดยไม่ได้รับการรบกวนจากวัตถุใกล้เคียง
- คมชัดน่าทึ่งและรายละเอียดเป็นธรรมชาติ α77 II เผยให้เห็นความงดงามบนพื้นโลกที่ปรากฏอยู่ทุกหนแห่ง โดยจับภาพฉากอันงดงามได้คมชัดราวกับเห็นด้วยตาของตัวคุณเอง ดูตัวอย่างรายละเอียดอันน่าตื่นตานี้ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม/www.sony.co.th
8. กล้อง DSLR Nikon D500
Nikon D500 ด้วยระบบเซนเซอร์ APS-C CMOS 20.9MP ออโต้โฟกัส 153 จุด AF, 99 ข้ามชนิด หน้าจอสัมผัสมุมเอียง 3.2 นิ้ว, 2,359,000 จุด ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด:10fps ภาพยนตร์ 4K เหมาะสำหรับ ผู้เชี่ยวชาญ Nikon ได้นำกล้อง DSLR D5 รุ่นแรก และคุณลักษณะระดับไฮเอนด์ส่วนใหญ่มาผสมผสานกันจนกลายเป็นเนื้อโลหะที่มีขนาดเล็ก
แต่ยังคงทนมาก เซ็นเซอร์แบบเต็มเฟรมถูกแทนที่ด้วยชิปขนาด APS-C ขนาด 20.9MP ที่ช่วยให้ D500 สามารถถ่ายภาพที่ความเร็ว 10fps และให้ประสิทธิภาพ ISO ที่ยอดเยี่ยม ระบบออโต้โฟกัสแบบ 153 จุดที่สุดยอดทั้งหมดพร้อมกับระบบโฟกัสที่ดีอีกหนึ่งความประหลาดใจเกี่ยวกับ D500 คือเซ็นเซอร์ APS-C มีพิกเซลที่มีประสิทธิภาพ 20.9 ล้านพิกเซลซึ่งน้อยกว่ากล้อง DSLR รุ่นล่าสุด (24MP) ของบริษัท อื่นที่มีรูปแบบเดียวกัน นี่คือการทำให้ photosites มีขนาดใหญ่ขึ้นเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการใช้งานที่มีแสงน้อย
ที่น่าสนใจ D5 ประกาศในเวลาเดียวกันมี 20.8 ล้านพิกเซลในเซ็นเซอร์แบบ full-frame และกล้องสองตัวนี้ใช้สถาปัตยกรรมเซนเซอร์แบบเดียวกับข้อกำหนดของ Nikon ถ้าเซ็นเซอร์ของ D500 ถูกปรับขนาดให้ตรงกับ D5 จะมีพิกเซลที่มีประสิทธิภาพ 48.6 ล้านพิกเซล นอกจากนี้เครื่องประมวลผล EXPEED 5 ยังให้อัตราการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 10 เฟรมต่อวินาที (D5 สามารถตี 12 เฟรมต่อวินาที) ได้สูงสุด 200 ไฟล์บีบอัดข้อมูลดิบแบบ lossless 14 บิตและความสามารถในการบันทึกภาพยนตร์ความละเอียดสูง 4K
ข้อมูลเพิ่มเติม/www.nikon.co.th
7. กล้อง DSLR Canon EOS 5D Mark IV
หนึ่งในกล้อง DSLR ที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่เราเคยเห็น ด้วยเซ็นเซอร์ CMOS เต็มเฟรม 30.4MP ออโต้โฟกัส 61 จุด AF, 41 cross-type เลนส์ที่ติด Canon EFหน้าจอสัมผัส 3.2 นิ้ว, 1,620,000 จุด ความเร็วในการถ่ายภาพต่อเนื่องสูงสุด 7fps จับภาพวิดีโอ DCI 4K ด้วยประสิทธิภาพที่น่าทึ่ง ระบบ AF ขั้นสูง เซ็นเซอร์ 22.3MP
นอกจากนี้ 5D Mark IV ยังใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์รุ่นล่าสุดที่เราเคยเห็นในทั้ง1D X Mark IIและ80Dด้วยการแปลงแบบดิจิทัลไปเป็นอะนาล็อกในชิพซึ่งจะช่วยให้ประสิทธิภาพการทำงานของเสียงดีขึ้นและกว้างขึ้น ช่วงไดนามิค ไม่ใช่เรื่องทั้งหมดเท่าที่คุณภาพของภาพจะดียิ่งขึ้น แต่ด้วยเทคโนโลยี Dual Pixel Raw ทำให้ช่างภาพมีความสามารถในการปรับพื้นที่ความคมชัดสูงสุด
Canon EOS 5D Mark IV ใช้ทั้ง DIGIC 6 และ DIGIC 6+ โปรเซสเซอร์ซึ่งเดิมใช้สำหรับการวัดแสงเพียงอย่างเดียวซึ่งช่วยเพิ่มความเร็วในการประมวลผล DIGIC 6+ เพื่อจัดการทุกสิ่งทุกอย่างรวมถึงระบบ AF 61 จุดแบบ 41 ข้าม เซ็นเซอร์ (ห้าแบบซึ่งเป็นแบบไขว้แบบคู่เพื่อความแม่นยำยิ่งขึ้น)
ข้อมูลเพิ่มเติม/th.canon
6. กล้อง DSLR Sony CyberShot DSC-H300
DSLR รุ่นนี้ถูกออกแบบมาให้ใช้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวได้อย่างมีประสิทธิภาพ ช่วยลดความพร่ามัว ทำให้ได้ภาพที่คมชัดสมจริง
โหมดที่โดดเด่นอีกโหมดหนึ่งของกล้อง DSLR ของ Sony รุ่นนี้คือการถ่ายภาพพาโนรามาที่ทั้งถ่ายง่ายและให้ภาพที่คมชัด นอกจากนี้ตัว Sony เองยังออกแบบกล้อง DSLR รุ่นนี้มาให้เหมาะกับการถ่ายภาพเคลื่อนไหว เช่น ภาพกีฬา ภาพสัตว์ป่า ภาพนกที่กำลังบิน วัตถุเคลื่อนไหวเร็วต่าง ๆ โดยมีโหมด Optical SteadyShot ที่ให้ช่างภาพทั้งหลาย แม้ไม่ใช่มืออาชีพ ก็สามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงโดยที่ภาพไม่เบลอได้ และช่วยลดความพร่ามัวของภาพด้วยแม้ในขณะที่แสงน้อย
สำหรับอีกอย่างที่โดดเด่นสำหรับกล้อง DSLR รุ่นนี้ก็คือ ส่วนโค้งเว้าของรูปลักษณ์ภายนอกกล้องที่ออกแบบมารองรับการจับและสัมผัสกับตัวกล้อง ให้ความรู้สึกถึงความแนบแน่นไปกับมือช่างภาพและให้ความรู้สึกมั่นคงและมั่นใจเมื่อถ่ายภาพว่ากล้องจะไม่หลุดจากมือ จึงถือเป็นการออกแบบที่ค่อนข้างล้ำหน้าและเป็นไปตามลักษณะการใช้งานกล้องถ่ายรูปในปัจจุบันมากขึ้น
ข้อมูลเพิ่มเติม/www.sony.co.th
5. กล้อง DSLR Nikon D7200
DSLR ของ Nikon รุ่นนี้ใช้ระบบประมวลผลประสิทธิภาพสูง EXPEED 4 ที่ทำให้สามารถถ่ายภาพคุณภาพสูงได้อย่างรวดเร็ว พร้อมเซนเซอร์ที่โฟกัสอัตโนมัติได้อย่างแม่นยำถึง 51 จุดด้วยเทคโนโลยี Advanced Multi-CAM 3500 II ทำให้ได้ภาพที่คมชัดแม้ถ่ายในบริเวณที่แสงน้อย ความละเอียดที่กล้องถ่ายภาพได้สูงสุดคือ 24.2 ล้านพิกเซล และสามารถถ่ายวิดีโอ HD ได้ที่ความละเอียดสูงสุด 1080/60p ระบบแสดงภาพเป็นแบบ AF พร้อมมีกากบาท 15 ตัว ซึ่งเรียกได้ว่ามีความสามารถในการจับภาพค่อนข้างสูงเลยทีเดียว นอกจากนี้ กล้องรุ่นนี้ยังมีความสามารถในการถ่ายภาพต่อเนื่องได้ถึง 100 ภาพที่ความเร็ว 6 เฟรมต่อวินาที ทำให้สามารถถ่ายภาพยาก ๆ อย่างภาพลำแสงได้
สำหรับฟังก์ชั่นที่กล้อง DSLR นิยมพัฒนากันออกมาอีกฟังก์ชั่นหนึ่งคือการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์สื่อสาร โดยที่รุ่นนี้ให้ช่างภาพสามารถส่งภาพผ่านได้ทั้ง Wi-Fi และ NFC โดยที่ตัวหลังนี้ใช้สำหรับการส่งไฟล์ที่มีขนาดใหญ่นั่นเอง ภายในตัวกล้องจะมีระบบทำความสะอาดตัวเองเพื่อป้องกันฝุ่นละอองเกาะที่เซนเซอร์ แต่ทั้งนี้ต้องใช้ซอฟท์แวร์ Capture NX-D กระจกในตัวกล้องเป็นแบบดีดกลับเอง นอกจากนี้ยังมีช่องสำหรับรับการเชื่อมต่อแฟลชจากด้านนอก จุดโฟกัสอัตโนมัติสูง 51 จุด รวมถึงมีระบบปรับแสงขาวอัตโนมัติด้วย รวมถึงมีฟังก์ชั่นการถ่ายภาพเหลื่อมเวลาด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม/www.nikon.co.th
4. กล้อง DSLR Olympus E-1
หากจะไม่พูดถึง Olympus เลยคงไม่ได้ เพราะเป็นกล้องคุณภาพดีที่หลายๆคนทักเลือกใช้ สำหรับกล้อง DSLR รุ่นนี้สามารถถอดเปลี่ยนเลนส์ได้ ตัวบอดี้ทำจากแมกนีเซียมอัลลอยด์ น้ำหนัก 660 กรัม ขนาด 141 x 104 x 81 มิลลิเมตร ความละเอียด 5 ล้านพิกเซล ให้ภาพขนาดสูงสุด 2738 x 2044 พิกเซล ความเร็วชัตเตอร์สูงสุด 1/4000 วินาที ระบบบันทึกภาพเคลื่อนไหวขนาด 320 x 240 พิกเซล ความเร็ว 15 เฟรม/วินาที นาน 30 วินาที ระบบถ่ายภาพคร่อมอัตโนมัติ เลือกได้ 2 – 9 ภาพ จอ LCD แบบ TFT ขนาด 1.8 นิ้ว ความละเอียด 134,000 พิกเซล แสดงผล 100% สามารถเชื่อมต่อwifi ได้
ข้อมูลเพิ่มเติม/olympusimaging-th.com
3. กล้อง DSLR Canon EOS 1300D
กล้อง DSLR ของ Canon ที่ถ่ายภาพได้ทุกระดับแสง และสามารถเชื่อมต่อ Wi-Fi และ NFC ได้อย่างดีเยี่ยมโดยที่รุ่นนี้มีความโดดเด่นในเรื่องของการถ่ายภาพทั้งในบริเวณที่มีแสงต่ำไปจนถึงบริเวณที่ไวต่อแสงด้วยระบบประมวลภาพ DIGIC 4+ โดยที่ค่าความไวแสงของกล้อง DSLR รุ่นนี้อยู่ที่ ISO 100 – 6400 (ขยายได้ถึง 100-12800) นอกจากนี้ยังสามารถเลือกใช้งานได้กับเลนส์กว่า 70 รุ่น ทำให้สามารถเลือกถ่ายภาพได้ครอบคลุมทุกสถานการณ์ สามารถเชื่อมต่อเข้ากับอุปกรณ์สื่อสารผ่าน Wi-Fi และ NFC ที่สามารถส่งไฟล์ภาพขนาดใหญ่หรือไฟล์วิดีโอได้ และสามารถเลือกใช้งานได้ 25 ภาษา เซนเซอร์ที่ใช้เป็นประเภท CMOS ที่โฟกัสอัตโนมัติได้ 9 จุดและมีสัญญาณรบกวนต่ำ และถ่ายภาพต่อเนื่องได้ 3 เฟรมต่อวินาที มีระบบปรับความขาวอัตโนมัติ กระจกสะท้อนภาพของกล้องรุ่นนี้เป็นแบบดีดกลับเอง ส่วนช่องมองภาพนั้นครอบคลุมร้อยละ 95 ทั้งในแนวนอนและแนวตั้ง ระบบการตรวจจับภาพเป็นการจับภาพแบบผลต่างเฟส รวมถึงการตรวจจับใบหน้าใน Live Mode ด้วย
ดูขอมูลเพิ่มเติม/th.canon
2. กล้อง DSLR Canon EOS 700D
DSLR จาก Canon อีกสักรุ่น โดยรุ่น EOS 700D จะมีระบบประมวลผล DIGIC 5 ที่ให้ความแสง ISO100 – ISO12800 และยังขยายได้สูงสุดถึง ISO25600 ใน H Mode มาพร้อมกับเซ็นเซอร์แบบ APS-C Hybrid CMOS ที่มีความละเอียด 18 ล้านพิกเซล มีระบบโฟกัสที่ใช้การจับผลต่างเฟสซึ่งสามารถจับโฟกัสอัตโนมัติได้ 9 จุด ทำให้สามารถจับภาพได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว แถมด้วยระบบ AI Servo AF ที่ช่วยรักษาความแม่นยำของระบบโฟกัสเมื่อทำการถ่ายภาพต่อเนื่องที่ 5
ส่วนความสามารถในการบันทึกวิดีโอนั้นก็ละเอียดสะใจในระดับ Full HD ที่ความละเอียด 1920 x 1080 พิกเซลแบบ 30 fps ที่สำคัญกล้องรุ่นนี้ยังมี Live View AF ที่หลากหลาย และหน้าจอสัมผัสที่สามารถปรับหมุนได้มากถึง 360 องศาอีกด้วย จึงถ่ายภาพได้หลายมุมมอง นอกจากนี้ยังมีฟังก์ชันการตกแต่งภาพที่สามารถปรับแต่งเอฟเฟ็กต์ต่าง ๆ ได้อย่างจุใจ
กล้องรุ่นนี้มาพร้อมกับฟังก์ชั่นในการตกแต่งภาพ
โดยสามารถใช้งานโหมด Dial Design และตัวกรอง Creative ที่ให้ช่างภาพทั้งหลายปรับแต่งเอฟเฟ็คต่าง ๆ ได้หลากหลายรูปแบบ เพื่อช่วยให้สามารถสร้างสรรค์และตกแต่งภาพถ่ายได้ดั่งใจอยากเลยทีเดียว ส่วนเลนส์ของกล้องมีระบบ Optical Image Stabilizer ที่ช่วยให้ถ่ายภาพได้สวยงามแม้ในขณะแสงน้อย ส่วนช่องมองภาพครอบคลุมภาพร้อยละ 95 เช่นเดียวกับรุ่นอื่น ๆ ระบบแฟลชของตัวกล้องนั้นสามารถดีดตัวขึ้นมาได้โดยอัตโนมัติ
ดูข้อมูลเพิ่มเติม/th.canon
1. กล้อง DSLR Pentax K-S2
Pentax K-S2 นี้อาจถูกใจใครหลายๆคนเพราะทั้งรูปร่างหน้าตาและคุณสมบัติโดดเด่นขึ้นอีกเยอะ Pentax K-S2 แทนที่ K-S1 เดิมโดยสิ่งทีเปลี่ยนไปชัดเจนคือไฟวิบวับทั้งหลายหายไปเกือบหมด บอดี้ที่ออกแบบในสไตล์ DSLR ทั่วไปมากขึ้นมี Dial 2 ตำแหน่งและ Mode Dial ที่ย้ายกลับไปอยู่ด้านบนเหมือนเดิม มีบอดี้แบบ Weather Seal
สามารถป้องกันน้ำและฝุ่นได้และยังเป็นกล้อง DSLR ขนาดเล็กที่สุดในโลกที่มี Weather Seal ป้องกันฝุ่นอีกด้วย ด้านสเปคภายใน K-S2 มาพร้อมเซนเซอร์ APS-C 20.12 ล้านพิกเซลพร้อมระบบจำลอง AA Filter จอหลังแบบ Vari-angle พับถ่าย Selfie ได้และยังเป็น K-Series รุ่นแรกที่มี Wi-Fi กับ NFC ในตัวอีกด้วย
ข้อมูลเพิ่มเติม/www.zoomcamer