ใครที่ชื่นชอบการท่องเที่ยวแบบใกล้ชิดธรรมชาติ อยากให้ธรรมชาติบำบัดร่างกายและจิตใจ ได้ออกไปเจอสีเขียวของต้นไม้ ใบหญ้า สูดอากาศบริสุทธิ์ที่ไร้ควันและมลพิษต่างๆ ชมวิถีชีวิตของชาวบ้าน ใช้ชีวิตแบบช้าๆ ไปเรื่อยๆ ไม่รีบ วันนี้เรามี 10 หมู่บ้านในไทยที่ทั้งน่ารัก โอบล้อมไปด้วยธรรมชาติ เหมาะแก่การชาร์จแบตให้ร่างกายในวันที่ต้องการพักผ่อน หลบแสงสีจากในเมืองสักพัก มาดูกันดีกว่าค่ะ ว่ามีที่ไหนกันบ้าง จะได้เตรียมแบกเป้ไปเที่ยวกัน
1. หมู่บ้านแม่กำปอง จังหวัดเชียงใหม่
หมู่บ้านน่ารักจากเชียงใหม่นี้เป็นหมู่บ้านที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและไอหมอก มีอากาศดีตลอดปี ทั้งยังมีลำธารที่ไหลมาจากน้ำตกบนยอดดอย จึงเหมาะแก่การพักผ่อนชิวๆ นั่งฟังเสียงน้ำไหล นกร้อง จิบกาแฟ อ่านหนังสือเป็นอย่างมาก ภายในหมู่บ้านมีโฮมสเตย์ ร้านอาหารพื้นเมือง คาเฟ่ ร้านขายของที่ระลึกให้เราไม่เหงา พร้อมกับสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านและวัฒนธรรมต่างๆในชุมชนแบบที่ไม่เคยเจอมาก่อน เป็นการชาร์จแบตให้กับร่างกายที่ดีมากๆ
2. หมู่บ้านป่าปงเปียง จังหวัดเชียงใหม่
หมู่บ้านป่าปงเปียงเป็นหมู่บ้านนาขั้นบันไดที่เหมาะแก่การหลีกหนีความวุ่นวาย มาชาร์จแบตให้กับร่างกายเต็มๆ เพราะที่นี่ไม่ค่อยมีไฟฟ้าใช้ เราจึงได้สัมผัสกับชีวิตแบบธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ วิวก็สวย ทั้งวิวของทุ่งนาเขียวขจี และภาพของภูเขาที่สลับซับซ้อนกันมองแบบไม่มีเบื่อ ยิ่งช่วงฤดูฝนหรือช่วงปลายฝนต้นหนาว บอกเลยว่าบรรยากาศดีสุดๆ
3. หมู่บ้านผาฮี้ จังหวัดเชียงราย
ดอยผาฮี้มีอาณาเขตอยู่ในอำเภอแม่สาย ติดกับชายแดนไทยพม่า ที่นี่เป็นที่อยู่ของชาวเผ่าอาข่าที่อาชีพส่วนใหญ่ของเขาคือการปลูกใบชา และกาแฟ ซึ่งกาแฟของเขาขึ้นชื่อมาก นอกจากนี้วิวของหมู่บ้านนี้ก็สวยสุดยอดไปเลย เป็นหมู่บ้านที่ถูกโอบล้อมไปด้วยภูเขาสูงและมีผืนป่าสีเขียวปกคลุมไปทั่ว ชาวบ้านก็พากันใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ใครอยากหลีกหนีจากความวุ่นวายในเมือง ที่หมู่บ้านผาฮี้นี้เป็นตัวเลือกที่ดีมากทีเดียว
4. หมู่บ้านสะปัน จังหวัดน่าน
เป็นหมู่บ้านน่ารักที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ด้วยบรรยากาศที่แวดล้อมไปด้วยขุนเขาและทุ่งนานับร้อยไร่ แถมยังมีแม่น้ำไหลผ่านหมู่บ้าน ยิ่งช่วงหน้าฝนเป็นช่วงที่หมู่บ้านสวยสุดๆ เพราะบรรยากาศดีมาก หมู่บ้านชุ่มฉ่ำไปด้วยความเขียวขจีของธรรมชาติ ภายในหมู่บ้านก็เงียบสงบ ผู้คนใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ถือว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่เหมาะกับการพักผ่อนมากๆ
5. หมู่บ้านรักไทย จังหวัดแม่ฮ่องสอน
มาเที่ยวที่หมู่บ้านรักไทยเหมือนได้ไปเที่ยวต่างประเทศ เพราะบรรยากาศโดยรอบสวยงามมาก ธรรมชาติสุดๆ มีภูเขารายล้อม ป่าไม้ปกคลุม แหล่งน้ำขนาดใหญ่ อากาศก็เย็นสบายตลอดปี ยิ่งช่วงหน้าหนาว เราจะเห็นหมอกลอยกลางผิวน้ำเลย อเมซซิ่งไทยแลนด์มาก ด้วยความที่อาชีพหลักของคนในหมู่บ้านคือการทำไร่ชา เราจึงเห็นไร่ชาสีเขียวส่งกลิ่นหอมไปทั่ว เห็นแบบนี้แล้วน่าแบกเป้ไปเที่ยวมาก
6. หมู่บ้านมอญ จังหวัดกาญจนบุรี
หมู่บ้านมอญ ตั้งอยู่ในสังขละบุรี ซึ่งเป็นอำเภอเล็กๆมีพื้นที่ติดกับชายแดนพม่า เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของหมู่นักท่องเที่ยวสายธรรมชาติ ที่นี่มีทั้งภูเขา ป่าไม้ และแม่น้ำไหลผ่าน ด้วยความที่เป็นหมู่บ้านของชาวมอญ เราจึงเห็นวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของผู้คนที่นี่อย่างใกล้ชิด กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาหมู่บ้านมอญแห่งนี้ ได้แก่ ตักบาตร, เดินเล่นบนสะพานมอญ, ล่องเรือชมวัดใต้น้ำ, ชมความงามของเจดีย์พุทธคยา, ไหว้พระขอพรที่วัดวังก์วิเวการาม และไปเดินเล่นหาของกินท้องถิ่นอร่อยๆที่ถนนคนเดิน
7. หมู่บ้านอีต่อง จังหวัดกาญจนบุรี
หมู่บ้านเล็กๆบนยอดเขา เดิมทีเป็นหมู่บ้านของชาวเหมืองแร่ จนเวลาผ่านไปหลายปีกิจการเหมืองแร่จบ แต่ผู้คนก็ยังใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ที่นี่มีสภาพอากาศที่เย็นสบายและมีหมอกปกคลุมตลอดปี นอกจากนี้หมู่บ้านเขายังมีอ่างเก็บน้ำ บ่อน้ำแร่ และจุดชมวิวทะเลหมอกให้นักท่องเที่ยวได้สำรวจ ตอนเช้าๆก็มีพระมาบิณฑบาต จึงเป็นมนต์เสน่ห์ของที่นี่ ที่ทำให้ทุกคนตกหลุมรักหมู่บ้านเล็กๆ น่ารักแห่งนี้ได้ไม่ยาก
8. หมู่บ้านเชียงคาน จังหวัดเลย
หมู่บ้านเล็กๆน่ารักแห่งนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง บรรยากาศเย็นสบาย มีภูเขาและต้นไม้เรียงยาวติดต่อกัน พร้อมกับสายน้ำไหลยาวสุดลูกหูลูกตา มองแล้วสบายตามาก ที่นี่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านไม้ที่เน้นความคลาสสิคและเรียบง่าย พอถึงช่วงเวลาเย็นก็กลายเป็นถนนคนเดินให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อของและกินอาหารพื้นเมือง มีกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดหากมีโอกาสได้มาเชียงคานคือ การตักบาตรข้าวเหนียว ที่เป็นเอกลักษณ์ของหมู่บ้านนี้อย่างเด็ดขาด
9. หมู่บ้านคีรีวง จังหวัดนครศรีธรรมราช
ที่หมู่บ้านคีรีวงแห่งนี้ได้ชื่อว่ามีอากาศดีที่สุดในประเทศไทย อาจเพราะเป็นหมู่บ้านที่ตั้งอยู่กลางหุบเขา มีลำธาร และธรรมชาติสีเขียวขจี ที่ทำให้ใครๆก็อยากมาพักผ่อนที่นี่ นอกจากนี้ยังเป็นชุมชนต้นแบบของการท่องเที่ยวเชิงนิเวศด้วย กิจกรรมก็มีให้ทำมากมาย เช่น ปั่นจักรยานชมวิวหมู่บ้าน, กินอาหารท้องถิ่น, ชมสวนผลไม้, เล่นน้ำตก และการพักโฮมสเตย์กับชาวบ้านที่ทำให้ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตพื้นบ้านจริงๆอีกด้วย
10. ชุมชนอ่าวคราม จังหวัดชุมพร
เปลี่ยนจากยอดเขามาที่ทะเลกันบ้างกับชุมชนอ่าวคราม ที่นี่เป็นที่ตั้งของชุมชนชาวประมงขนาดเล็ก ตั้งอยู่ริมทะเล มีธรรมชาติอันแสนสงบ อากาศดี ลมพัดเย็นสบายตลอดวัน มาเที่ยวที่ชุมชนแห่งนี้เราจะได้เห็นวิถีชีวิตของชาวบ้านที่ยังใช้ชีวิตกันแบบดั้งเดิม เราก็จะได้เรียนรู้และทำกิจกรรมท่องเที่ยวของชุมชนไปด้วย ถือว่าเป็นการเปิดประสบการณ์ใหม่ๆได้ดีทีเดียว
